ถั่งเช่าเป็นสมุนไพรจีน ใช้เป็นยาอายุวัฒนะและรักษาโรคต่างๆ มานานหลายร้อยปี
เห็ดถั่งเช่าสีทองอุดมไปด้วย #สารสำคัญ หลายชนิดที่มีผลทางชีวภาพ เช่น โมโนแซคคาไรด์ ไดแซคคาไรด์ โพลีแซคคาไรด์ (เบต้า-กลูแคน) แมนนิทอล กาแล็กโตส อะดีโนซีน คอร์ไดเซปิน กรดคอร์ไดเซปิก กรดอะมิโน โปรตีน สเตอรอล วิตามิน และ #แร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ หลายชนิด เช่น ไบโอติน กรดโฟลิก ไนอาซิน กรดแพนโทธีนิก ซิลีเนียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก คอปเปอร์ สังกะสี แมงกานีส และซิลีเนียม เป็นต้น
สารออกฤทธิ์สำคัญที่พบในเห็ดถั่งเช่า คือ คอร์ไดเซปิน (Cordycipine) และกรด คอร์ไดเซปิก (Codycepic acid) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพ
ปริมาณคอร์ไดเซปินในเห็ดถั่งเช่าที่ได้จากการรวบรวมมาจากแหล่งธรรมชาตินั้นไม่ค่อยแน่นอน เนื่องจากขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและช่วงเวลาที่เก็บเห็ดมา จึงมีการเพาะเลี้ยงเห็ดในสภาพที่ควบคุมได้ทั้งหมด เพื่อให้สามารถผลิตเห็ดที่มีปริมาณสารคอร์ไดเซปินที่แน่นอน
ปัจจุบันมีงานวิจัยที่สนับสนุนสรรพคุณต่างๆ ของเห็ดถั่งเช่าอยู่มากมาย เช่น ขจัดเซลล์ที่ผิดปกติ ปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านเซลล์เนื้องอกและมะเร็ง เพิ่มความแข็งแรงของร่างกายให้ต้านทานต่อแบคทีเรีย ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส เสริมสมรรถภาพทางเพศทั้งในผู้ชายและผู้หญิง บำรุงตับ ไต หัวใจ เป็นต้น
มีการนำเห็ดถั่งเช่าไปใช้ในการป้องกันและรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคระบบไหลเวียนโลหิต ความดันโลหิตสูง ภาวะที่เม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ โรคไต โรคตับรวมถึงผู้ป่วยมะเร็งตับ มะเร็งเลือด ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้-หืดหอบ ผู้ป่วยโรคพุ่มพวง (SLE) ผู้ที่มีอาการเครียด นอนไม่หลับ อ่อนล้า
ที่มา: ศูนย์วิจัยและพัฒนาเห็ด Mushroom Research and Development Center (MRDC) โดย ดร.ธวัช ทะพิงค์แก ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเห็ด ประเทศไทย
댓글